เม็ดขนุน

เม็ดขนุน
     
        เม็ดขนุนมีสีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ข้างในมีไส้ทำด้วยถั่วเขียวบด มีความ

เชื่อกันว่า ชื่อของขนมเม็ดขนุนจะเป็นสิริมงคล ช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนเนื่อง ในการดำเนินชีวิตและ

ในหน้าที่การงานหรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่  


เครื่องปรุงและส่วนผสม

1.ถั่วเขียวเลาะเปลือก 450 กรัม

2.น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)

3.น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)

4.น้ำกะทิ 400 กรัม

5.น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)

6.ไข่เป็ด 5 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
.
. 
ขั้นตอนการทำ

1.นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก 

ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)

2.เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสม

ทั้งหมดเข้ากันดี

3.จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ 

ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว

(ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไป

ปั้นได้)

4.ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงเม็ดขนุน

5.ทำน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า นำไปเคี่ยวในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็

ได้) จนเหนียวข้นเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ

6.ตอกไข่และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงมารวมกัน เขี่ยพอให้ไข่แดงแตก จากนั้นจึงนำเม็ดขนุนที่ปั้นเตรียม

ไว้ใส่ลงไปแช่ในไข่แดงทีละเม็ดแล้วจึงนำไปใส่ในน้ำเชื่อม พยายามอย่าให้ติดกัน พอใส่ลงไปมากแล้ว

จึงนำกระทะไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนสุกทั่งจึงตักออกมาพักทำซ้ำเช่นนี้จนเม็ดขนุนที่ปั้นไว้หมด 




ขอบคุณข้อมูลจาก  กลุ่มแม่บ้านขนมไทย

เสน่ห์จันทน์

เสน่ห์จันทน์
     

      เสน่ห์จันทน์เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้

หลงใหล คนโบราณจึงนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์มาประยุกต์ทำเป็นขนม และได้นำ "ผลจันทน์ป่น" 

 มาเป็นส่วนผสม ทำให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลจันทน์ ให้ชื่อว่า "ขนมเสน่ห์จันทน์" โดยเชื่อว่า คำว่าเสน่ห์

จันทน์เป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์ ขนมเสน่ห์จันทน์จึงถูกนำ

มาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส




 ส่วนผสม

1.แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง

2.แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง

3.หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง

4.น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

5.ไข่ไก่ 2 ฟอง

6.ผงจันป่น 1/2 ช้อนชา

7.สีผสมอาหารสีเหลือง
. 


ขั้นตอนการทำ

1.ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน

2.ผสมหัวกะทิกับน้ำตาล ละลายแล้วกรองผสมแป้งกับกะทิ และผงจันป่นสีเหลือง

3.ตั้งไฟอ่อน กวนจนจับกัน

4.ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง ใส่ขณะแป้งร้อน รีบคนให้เข้ากัน ยกลง

5.พอขนมอุ่นปั้นได้ ให้ปั้นเป็นรูปผลจัน ตรงขั้วผลใช้น้ำตาลเคี่ยวสีน้ำตาลหยอด 


ขอบคุณข้อมูลจาก  กลุ่มแม่บ้านขนมไทย

จ่ามงกุฎ

จ่ามงกุฎ
       

      จ่ามงกุฎ  เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่

สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึง การเป็นหัวหน้าสูงสุด แสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็น

ของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้มีความก้าวหน้าใน

หน้าที่การ งานยิ่งๆ ขึ้นไป 



ส่วนผสม

เม็ดแตงโมชนิดย้อมสีแดงแกะแล้ว 1 ถ้วย
 
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
 
น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
 
ทองคำเปลว 2 แผ่น


วิธีทำ

1. เชื่อมน้ำตาล โดยใช้น้ำตาลกับน้ำดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่ออีก 5 

นาที
 
2. ล้าง-ขัด กะทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่งคั่วเม็ดแตงโม โดยใช้มือจุ่มลงในน้ำเชื่อม

แล้วกวาดไปมาจนน้ำตาลแห้งแล้ว ใช้มือจุ่มน้ำเชื่อมทำเช่นนี้ต่อไปจนน้ำตาลเกาะเป็นหนามติดเม็ดแตง

โมพองาม เก็บใส่ภาชนะ อย่าให้อากาศเข้า
 
3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคง กะทะแล้วใช้ผ้าขาวบาง เช็ดกะทะ ให้สะอาดอยู่เสมอ


วิธีทำแป้งรองขนม

แป้งสาลี 1 ถ้วย
 
ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง


วิธีทำ

นวด แป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือจึงใส่เนย ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมน้ำ แล้วคลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลม

ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำแผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไปอบ


ขอบคุณข้อมูลจาก  กลุ่มแม่บ้านขนมไทย

ขนมถ้วยฟู

ขนมถ้วยฟู

      ชื่อของขนมถ้วยฟูให้ความหมายอันเป็นสิริมงคล หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู นิยมใช้

ประกอบในพิธีมงคลต่างๆ ทุกงาน เคล็ดลับของการทำขนมถ้วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทานนั้น คือการ

ใช้น้ำดอกไม้สดเป็นส่วนผสม และการอบร่ำด้วยดอกมะลิสดในขั้นตอนสุดท้ายของการทำ   



ส่วนผสม 

-แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
 

-น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
 

-น้ำลอยดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง
 

-ยีสต์ 1 ช้อนชา
 

-ผงฟู 1 ช้อนชา  

วิธีทำ 

1.ใส่ยีสต์ลงไปในแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำลอดอกไม้ทีละน้อน นวดจนแป้งนิ่มเนียน
 

2.ใส่น้ำตาลและน้ำทั้งหมดลงในแป้ง ใส่ผงฟู นวดต่อไป ปิฝาครอบไว้ 1-2 ชั่วโมง
 

3.เรียงถ้วยตะไลลงในรังถึงนึ่งในน้ำเดือดจนถ้วยร้อนประมาณ 5 นาที ตักขนมที่ผสมไว้ลงในถ้วยตะไล

พอเต็มปิดฝานึ่งให้สุกประมาณ 10-15 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น แล้วจึงแกะออกจากถ้วย 


ขอบคุณข้อมูลจาก  กลุ่มแม่บ้าน


             

ทองหยิบ

ทองหยิบ

ขนมทองหยิบแเป็นขนมมงคลชนิดหนึ่ง มีลักษณะงดงามคล้ายดอกไม้สีทอง ต้องใช้ความสามารถและ

ความพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการประดิษฐ์ประดอยจับกลีบ ให้มีความงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อขนม

ทองหยิบเป็นชื่อสิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆ หรือให้เป็นของขวัญแก่ใครแล้ว จะ

ทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทอง สมดังชื่อใช้ประกอบในพิธีมงคล

ทั้งหลาย หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารพรักหรือญาติสนิทมิตรสหาย แทนคำ

อวยพรให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ประดุจให้ทองคำแก่กัน   

ส่วนผสม

ไข่เป็ด(เฉพาะไข่แดง) 20 ฟอง                                        

น้ำตาลทราย 5 ถ้วย

น้ำลอยดอกไม ้5ถ้วย

ถ้วยตะไลสำหรับใส่ทองหยิบ


วิธีทำ

1.แยกไข่แดงออกจากไข่ขาวรีดเอาเยื่อที่อยู่รอบไข่แดง ออก แล้วนำไข่แดงมากรองด้วยผ้าขาวบาง นำ

ไข่แดงมาตีอย่าตีนานเกิน 10 นาที ไข่จะเปื่อยเกินไป ถ้าหากตีนานก็ต้อง เพิ่มไข่แดงอีก

2.นำดอกไม้สดมาลอยน้ำไว้ เพื่อให้น้ำมีกลิ่นหอมนำกระทะทองเหลืองใส่น้ำลอยดอกไม้สด ยกขึ้นตั้งไฟ

ใส่น้ำตาลทราย เคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลายหมดแล้วนำมากรองแล้วยกขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง เคี่ยวให้น้ำเชื่อม

ข้น

3.ยกน้ำเชื่อมลงจากเตา นำไข่ที่ตีมาหยอด ตักไข่หยอดโดยกะปริมาณให้ขนาดเท่ากับปากถ้วย ตะไลที่

จะใส่หยดประมาณ 7-8 ชิ้น แล้วยกขึ้นตั้งไฟอีกพอสุก กลับอีกด้าน พอสุกทั้ง 2 ด้านตักขึ้นไว้บนถาด

พักไว้สักครู่ พออุ่นๆ ใช้มือจับจีบ 5-8 จีบ แล้วนำมาใส่ถ้วยตะไล ตักน้ำเชื่อมใส่ตรงกลางทองหยิบ พักไว้

ให้อยู่ตัว แล้วนำออกจากถ้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มแม่บ้าน

สังยาฟักทอง



สังขยาฟักทอง



เครื่องปรุง

 
- ฟักทองลูกขนาดกลาง 1 ลูก
 
- กะทิ 1 กระป๋อง
 
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
 
- น้ำตาลปิ๊ป 1 ถ้วย
 
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
 
- ใบเตย 3-4 ใบ 

วิธีทำ

 
1. เจาะช่องด้านบนของฟักทอง แล้วคว้านเม็ดฟักทองออกให้หมด
 
2. ตอกไข่ใส่ชามผสมแล้วตีให้เข้ากัน
 
3. ใส่กะทิลงไป คนให้เข้ากัน
 
4. ใส่น้ำตาลปี๊ป เกลือป่น และใส่ใบเตยลงไป
 
5. ใช้ใบเตยบีบไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลายหมดและส่วนผสมเข้ากันดี
 
6. นำส่วนผสมที่ได้กรองผ่านกระชอนใส่ลงในฟักทอง แล้วนำไปนึ่งประมาณ 45 นาทีหรือจนสังขยาสุก
 
7. ตัดแบ่งเป็นชิ้น จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ

 
















ขนมเบื้อง


      ขนมเบื้องเป็นขนมไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลักฐานกล่าวถึงในคำให้การขุนหลวงหาวัดว่า

"บ้านหม้อปั้นหม้อข้าวหม้อแกงใหญ่เล็ก และกระทะเตาขนมครกขนมเบื้อง" ขนมเบื้องมี 2 แบบคือ
ขนมเบื้องไทย
ขนมเบื้องไทย โดยทั่วไปมี 2 หน้าคือหน้ากุ้งและหน้าหวาน หน้ากุ้งใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตสับละเอียดผสมกับ

พริกไทยและผักชีตำพร้อมมันกุ้ง นำไปผัดใส่น้ำตาล น้ำปลาหรือเกลือให้หอม ปัจจุบันมักเป็นหน้า

มะพร้าวใส่สีแดง ส่วนหน้าหวานมีส่วนผสมของฟักเชื่อม ฝอยทองและพลับแห้งที่หั่นบางๆ ปัจจุบันมีแต่

ฝอยทองกับครีม อย่างไรก็ตามในวังสวนสุนันทา มีหน้าหมูอีกอย่างหนึ่ง ใช้หมูสับคลุกคล้ากับกระเทียม

พริกไทย รากผักชีโขลก ใส่พริกขี้หนู นำไปรวนพอสุก


ขนมเบื้องญวน

ขนมเบื้องญวน เป็นขนมที่เข้ามาพร้อมกับเชลยชาวญวนในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งถูกกวาดต้อนมาระหว่าง

สงครามสยาม-เวียดนาม ขนมนี้ทำจากแป้งละลายกับไข่ให้ข้น ตักแป้งเทลงในกระทะที่ทาน้ำมันไว้ แผ่

เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้แล้วพับกลาง


วัสดุ/อุปกรณ์ :   เตาแก๊สพร้อมกระทะทำขนมเบื้อง กระจ่า (ใช้ละเลงแป้ง) เหล็กโป๊ว (ใช้แซะขนม

เบื้อง) กะละมัง ที่ตีไข่หรือส้อม ถุง



ส่วนผสมแป้ง

- แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วยตวง

- ถั่วเขียวป่นละเอียด 1 ถ้วยตวง

- ไข่ไก่ 2 ฟอง

- น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง

- น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

วิธีทำ  

1.นำแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียวคั่วป่น น้ำตาลทรายและไข่ไก่มาผสมรวมกัน จากนั้นเติมน้ำปูนใสลงในแป้ง

ค่อยๆ นวดแป้งพร้อมกับทยอยเติมน้ำปูนใสทีละน้อยจนแป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นเป็นเนื้อ เดียวกัน ใช้เวลา

นวดประมาณ 10 นาที แล้วจึงเติมน้ำปูนใสที่เหลือจนหมดคนให้เข้ากัน



ส่วนผสมหน้าน้ำตาล (ครีมขาว)    ไข่ขาวของไข่เป็ด 1 ฟอง น้ำตาลปี๊บ 4 ขีด

วิธีทำ

  นำไข่ขาวผสมกับน้ำตาลปี๊บ ใช้ที่ตีไข่หรือส้อมตีส่วนผสมให้เข้ากันจนส่วนผสมมีสีขาวลักษณะคล้าย

ครีม เป็นอันใช้ได้

ไส้เค็ม


ส่วนผสมไส้เค็ม

- รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ

- กระเทียม 5 กลีบ

- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

- มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วยตวง

- เกลือป่น 2 ช้อนชา

- น้ำตาลทราย 4 – 5 ช้อนโต๊ะ

- กุ้งสดสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ½ ถ้วยตวง

- สีผสมอาหารสีส้มพอประมาณ

- น้ำมันพืชเล็กน้อย

วิธีทำ

1. นำรากผักชีหั่นฝอย กระเทียม และพริกไทยป่น โขลกรวมกันจนละเอียด

2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนน้ำมันร้อนพอเห็นควันขึ้นขาว แล้วจึงนำส่วนผสมข้อ 1. ลงผัดจน

สุกหอมได้ที่

3. ใส่มะพร้าวขูดขาวและกุ้งสดสับลงไปผัดรวมกันในกระทะจนสุก เติมสีผสมอาหารสีส้มพอให้เกิดสีสวย

พอน่ารับประทาน

4. ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทราย แล้วตักขึ้นจากกระทะใส่ภาชนะ พักไว้


ไส้หวาน

 ส่วนผสมไส้หวาน
 
- ฝอยทอง 2 ถ้วยตวง

- งาขาว ½ ถ้วยตวง

- มะพร้าวแก่ขูดฝอยเป็นเส้นยาว 2 ถ้วยตวง



วิธีทำขนมเบื้อง

1. ใช้กระจ่าตักแป้งที่เตรียมไว้ละเลงลงบนกระทะ โดยบี้แป้งให้เป็นวงกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง

ประมาณ 2 นิ้ว รอจนแป้งสุกขาว

2. ใช้กระจ่าตักหน้าน้ำตาลพอประมาณทาบนแผ่นแป้ง โดยวนให้อยู่รอบ ๆ ขอบแผ่นแป้ง

3. เมื่อหน้าน้ำตาลร้อนจนเดือดเป็นฟองอากาศ จึงตักไส้เค็มใส่ลงไปและเด็ดใบผักชีใส่สัก 1 ใบ ส่วนไส้

หวานให้ตักฝอยทอง งาขาวและมะพร้าวขูดฝอยเป็นเส้นใส่ลงไปพอประมาณ

4. เมื่อแป้งเริ่มเกรียมกรอบให้แซะแป้งขึ้นพับครึ่งวงกลมใส่ถุงหรือกล่องกระดาษขาย

ขนมกล้วย

   ขนมกล้วยเป็นขนมที่ทำมาจากกล้วย  แ้ป้งข้าวเจ้า หอ่ด้วยใบตอง


ส่วนผสม

กล้วยน้ำว้าสุก           40   ผล

มะพร้าว                1.5   กิโลกรัม

แป้งข้าวจ้าว           1/2   กิโลกรัม

แป้งมัน                 3/4  ถ้วยตวง

น้ำตาลทราย          700   กรัม

เกลือ                      1  ช้อนโต๊ะ

ใบตอง                    2  กิโลกรัม


     
วิธีทำ

1.  แบ่งมะพร้าวไว้ 4 ขีด สำหรับโรยหน้าส่วนที่เหลือคั้นกะทิให้ได้ 4 ถ้วย

2.  ผสมกล้วย น้ำกะทิแป้งข้าวจ้าวแป้งมันมะพร้าวขูด 2 ขีด (แบ่งมาจากที่กันไว้ 4 ขีด) เกลือ ผสมไว้ให้

เข้ากัน (กล้วยต้องบดให้เละๆ)

3.  ใบตองเช็ดสะอาด ฉีกกว้าง 5 นิ้ว 120 แผ่น กว้าง 4 นิ้ว 120 แผ่น แต่ละแผ่นยาว 9-10 นิ้ว เจียนหัว

ท้ายให้แหลมตักขนมกล้วยใส่ โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดแล้วห่อ ใช้ใบมะพร้าวสดคาดตรงกลางห่อ กลัด

ด้วยไม้กลัด นึ่งนาน 15 นาที ยกลง ทิ้งให้เย็นรับประทานได้


ที่มา   กรมส่งเสริมการเกษตร

ขนมชั้น


      ขนมชั้น เป็นขนมไทยโบราณที่ใช้ในงานพิธีมงคล โดยมีความเชื่อว่าจะต้องหยอดขนมให้ได้ 9

ชั้น จึงจะเป็นศิริมงคลเจริญก้าวหน้าแก่เจ้าภาพ    ส่วนผสมของขนมส่วนใหญ่จะเป็นกะทิ และน้ำตาล

แป้ง 3 - 4 ชนิด แล้วแต่สูตรและความชอบเนื้อขนมในแต่ละแบบ ซึ่งแป้งแต่ละอย่างก็จะมีคุณสมบัติทำ

ให้ขนมมีเนื้อต่างกัน โดย

               แป้งมัน จะทำให้เนื้อขนมเนียน นุ่ม เหนียว หนืด ดูใสเป็นมัน
               แป้งท้าว จะทำให้เนื้อขนมเนียน เหนียว แข็ง แต่จะใสน้อยกว่าแป้งมัน

               แป้งข้าวเจ้า จะทำให้เนื้อขนมแข็ง และอยู่ตัว

               แป้งถั่วเขียว จะทำให้ขนมอยู่ตัว ไม่เหนียวมากเกินไป




ส่วนผสม

หัวกะทิ 4 ถ้วย

น้ำตาลทราย 3 ถ้วย

น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย

แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ

แป้งท้าวยายม่อม 1 ถ้วย

แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

แป้งมัน 2 ถ้วย

ใบเตย 10 ใบ คั้นน้ำข้น ๆ

วิธีทำ

1. เชื่อมน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 3 ถ้วย

2. ผสมแป้งทั้ง 4 ชนิด เข้าด้วยกัน แล้วนวดกับกะทิ โดยค่อย ๆ ใส่กะทิทีละน้อย ๆ นวดนาน ๆ จนกะทิ

หมด แล้วใส่น้ำเชื่อมคนให้เข้ากัน พอให้แป้งติดหลังมือนิดหน่อย

3. กรองแป้งทั้งหมด แล้วแบ่งแป้งครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว อีกครึ่งหนึ่งใส่ใบเตยหรือสีตามชอบ

4. นำถาดไปนึ่งแล้วทาน้ำมันให้ทั่ว ใส่แป้งสีขาวประมาณ 1/2 ถ้วย แล้วนึ่งให้สุกประมาณ 5 นาที ชั้นที่

2 ใส่สีเขียว แล้วนึ่งอีกประมาณ 5 นาที ทำเช่นนี้ไปจนหมดแป้ง แล้วให้ชั้นสุดท้ายเป็นสีเข้มกว่าชั้นอื่น ๆ

เมื่อสุกยกลงทิ้งให้เย็น แล้วตัดเป็นชิ้นตามต้องการ



ขอบคุณข้อมูลจาก

wikipedia  และ บ้านขนม

ลูกชุบ

        
         ลูกชุบป็นขนมไทยชนิดหนึ่งทำด้วยถั่วเขียวบดกวนปั้นเป็นรูปร่างต่างๆระบายสี แล้วนำไปชุบวุ้น 

ให้สวยงาม สีที่ใช้ทำลูกชุบนั้นนอกจากระบายลงบนถั่วเขียวกวนที่ปั้นแล้ว ยังใส่สีลงในถั่วกวนโดยตรงได้

อีก เช่น

       * สีเหลือง สำหรับขนมที่จะปั้นเป็นผลมะปรางใช้ฟักทองนึ่งแล้วยีละเอียดผสมในถั่วกวน

        * สีแสด เช่นผลมะเขือเทศสีดา ใช้มะละกอสุกยีละเอียดผสมในถั่วกวน

        * สีชมพู เช่น ชมพู่แก้มแหม่ม ใช้หัวบีทรูทต้มยีละเอียดกรองแต่น้ำผสมในถั่วกวน

        * สีแดง เช่นผลเชอรี่ ใช้หัวบีทรูทเช่นกัน แต่ใส่ให้มากขึ้น

        * สีเขียว เช่น พุทรา มะยม ชมพู่เขียว ใช้ใบเตยหั่นละเอียดกรองเอาแต่น้ำ

        * สีน้ำตาล เช่น ผลลำไย ละมุด ใช้ผงโกโก้ร่อน ผสมในถั่วกวน



เครื่องปรุง

  • ถั่วเขียวนึ่งสุกบดละเอียด 1 กิโลกรัม, น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง, หัวกะทิ (มะพร้าว 400 กรัม)
ถ้วยตวง, สีผสมอาหารสีต่างๆ
 

ส่วนที่ชุบ
  • วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำ 2 1 /2 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
      
     1.ผสมถั่วบด น้ำตาลทราย กะทิ เข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟ 
     
      2.กวนด้วยไฟอ่อนๆ จนล่อนจับกันไม่ติดกระทะ 
     
      3.พักถั่วกวนไว้ให้เย็น นำมาปั้นเป็นรูปผลไม้ต่างๆตามต้องการ เสียบไม้ไว้ 
     
      4.ใช้พู่กันจุ่มสีระบายลงบนขนมที่ปั้น โดยระบายเลียนแบบของจริง ทิ้งไว้ให้แห้งจึงนำไปชุบวุ้น 
     
      5.ผสมวุ้นกับน้ำยกขึ้นตั้งไฟ ให้ละลายก่อนจึงใส่น้ำตาลทราย เคี่ยววุ้นจนข้น 
     
      6.เอาขนมที่ปั้นแล้วเสียบไม้ ลงชุบวุ้นครั้งเดียวให้ทั่ว ทิ้งไว้จนแห้งแล้วชุบอีก ทำเช่นนี้ประมาณ 3

ครั้ง จะชุบแต่ละครั้งต้องให้เย็น วุ้นแข็งตัวก่อนทุกครั้ง
     
      7.เมื่อวุ้นแข็งจึงเอาไม้เสียบออก ตกแต่งด้วยก้านและใบให้สวยงาม



ขอบคุณขอมูลจาก  

wikipedia

www.sakid.com

ฝอยทอง


ฝอยทอง  เป็น ขนมโปรตุเกส ลักษณะเป็นเส้นฝอยๆ สีทอง ทำจากไข่แดงของไข่เป็ด เคี่ยวในน้ำ

เดือดและน้ำตาลทราย ชาวโปรตุเกสใช้รับประทานกับขนมปัง กับอาหารมื้อหลักจำพวกเนื้อสัตว์ และใช้

รับประทานกับขนมเค้ก โดยมีกำเนิดจากเมืองอาไวโร่ (Aveiro) เมืองชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ของประเทศโปรตุเกส
 
       ฝอยทองแพร่เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับทองหยิบและทองหยอด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ใน

รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย ดอนญ่า มารี กีมาร์ เดอปิน่า (ท้าวทองกีบม้า, พ.ศ.  

2202-2265) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภริยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ท้าว

ทองกีบม้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มา

เยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น




วิธีการทำฝอยทอง

ส่วนผสม

1.ไข่เป็ด 5 ฟอง

2.ไข่ไก่ 5 ฟอง


 3.น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง

4.น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า) 

  
5.ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)

 6.น้ำมันพืช 1 ช้อนชา


7.กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง 



 8.ไม้แหลม


 วิธีทำ

1. น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย
 
2. ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไฟเคี่ยวต่อ
 
3. ให้น้ำเชื่อมมีลักษณะไม่ข้นหรือใสเกินไป เหมาะสำหรับโรยฝอยทอง
 
4. ตอกไข่ แยกไข่ขาวออกใช้แต่ไข่แดง และเก็บน้ำไข่ขาวที่ใสไม่เป็นลิ่ม เรียกน้ำค้างไข่
 
5. นำไข่แดงใส่ผ้าขาวบางรีดเยื่อไข่ออก ผสมไข่แดงกับน้ำค้างไข่ตามส่วน คนให้เข้ากัน
 
6. เตรียมกระทะทองใส่น้ำเชื่อมเดือด ๆ ไว้ ทำกรวยด้วยใบตอง หรือใช้กรวยโลหะใส่
 
7.ไข่แดงโรยในน้ำเชื่อมเดือด ๆ ไปรอบ ๆ ประมาณ 20-30 รอบ เส้นไข่สุกใช้ไม้แหลม
 
8. สอยขึ้นจากน้ำเชื่อม พับเป็นแพ อบด้วยควันเทียนหลังจากเย็นแล้ว


        ฝอยทอง หากใช้ในงานแต่งงาน   ถือเคล็ดว่าห้ามตัดเส้น เพราะจะเคล็ดว่า เส้นที่ยาวของฝอยทอง 

ประดุจดั่งความรักที่ยืนยาวของคู่บ่าวสาวตลอดไป และยังสามรถใช้ในงานมงคลอื่นๆ ได้ด้วย

  




ขอบคุณข้อมูลรูปภาพจาก 

wikipedia